ส่งรูปลูกหลานเสด็จเตี่ยถ่ายในวันอาภากร (19 พค.) ที่วิหารน้อย สุสานหลวง มาให้ดูกันค่ะ
21 พฤษภาคม 2552
05 พฤษภาคม 2552
เสียดาย ไม่ได้ชม
สวัสดีครับ
เสียดายมากๆ ที่ไม่ได้เข้าชมศาลเสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพร ที่แม่ริม เพราะไม่เปิดให้เข้าชม
ไม่เป็นไร คราวหน้าจะถ่ายรูปมาให้ได้เลยละครับ
อะอะ
เว็บเสด็จเตี่ย ย้ายมา http;//www.seal2thai.org/etc/chumporn ครับ
เสียดายมากๆ ที่ไม่ได้เข้าชมศาลเสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพร ที่แม่ริม เพราะไม่เปิดให้เข้าชม
ไม่เป็นไร คราวหน้าจะถ่ายรูปมาให้ได้เลยละครับ
อะอะ
เว็บเสด็จเตี่ย ย้ายมา http;//www.seal2thai.org/etc/chumporn ครับ
19 กุมภาพันธ์ 2552
หลวงพ่อกลั่นวัดพระญาติ โดยเด็กลาดกระบัง
เด็กลาดกระบัง ภูมิใจเสนอ
นี้คือรูปหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ จังหวัด อยุธยา ครับ ผมขึ้นรูปเล็กเพราะ ต้องการให้คนที่อยากได้ไปทำบุญที่วัดนะครับ
เข้าวัดเจอเลยครับ
โบสถ์อยู่ทางเข้าซ้ายมือครับ
ขณะไปพอดีมีพระบวชอยู่นะครับ เลยไม่ได้เข้าไปถ่ายรูปในโบสถ์มาให้ดู จากรูปตอนถ่ายไม่เห็นนะครับ พอมาดู เจอแม่ค้ายิ้มสู้กล้องด้วย 5555+
วิหารหลวงพ่อกลั่นจะอยู่หลังพระยืนองค์ใหญ่ที่เราเป็นนะครับ
ดูถายในวิหารกันนะครับ
ขวามือจะมีพระนั่งพรหมน้ำมนต์อยู่นะครับ
หันหลังกลับมาตรงประตูทางเข้าวิหาร ด้านบนครับ
รูปเหมือน หลวงพ่อกลั่น แห่งวัดพระญาติ ครับ
ดูไปเลื่อยๆนะครับ ผมถ่ายมาสะเยอะเลย
เลื่อยมา
ลงมาเลื่อยๆครับ
มีอีกนะครับ
ด้านหลังก็ใช่นะครับ
วัตถุมงคล ที่ทางวัดให้เช่าครับ ราคาไม่แพงมากครับ
อันนี้อาจเป็นตะกรุดแบบเดียวกับที่หลวงพ่อกลั่นสร้างถวายเสด็จเตี่ยครับ
ท่าน้ำหลังวัดครับ ผมสันนิฐานว่า เสด็จเตี่ยอาจจะขึ้นลง บริเวณนี้ด้วยครับ
มีสองท่าครับ
บันไดขึ้นจากท่าน้ำครับ
จบดูกันเข้าไป 555+
(ที่มา จากน้องลาดกระบังที่ post ไว้ที่ กระดานปัญญาชน)
แนะนำเว็บไซต์ใหม่ สำหรับคนรัก notebook รวมเรื่องน่ารู้ http://lovenotebook.co.cc หรือ http://lovenotebook.110mb.com เข้ามาพบกันนะครับ
นี้คือรูปหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ จังหวัด อยุธยา ครับ ผมขึ้นรูปเล็กเพราะ ต้องการให้คนที่อยากได้ไปทำบุญที่วัดนะครับ
เข้าวัดเจอเลยครับ
โบสถ์อยู่ทางเข้าซ้ายมือครับ
ขณะไปพอดีมีพระบวชอยู่นะครับ เลยไม่ได้เข้าไปถ่ายรูปในโบสถ์มาให้ดู จากรูปตอนถ่ายไม่เห็นนะครับ พอมาดู เจอแม่ค้ายิ้มสู้กล้องด้วย 5555+
วิหารหลวงพ่อกลั่นจะอยู่หลังพระยืนองค์ใหญ่ที่เราเป็นนะครับ
ดูถายในวิหารกันนะครับ
ขวามือจะมีพระนั่งพรหมน้ำมนต์อยู่นะครับ
หันหลังกลับมาตรงประตูทางเข้าวิหาร ด้านบนครับ
รูปเหมือน หลวงพ่อกลั่น แห่งวัดพระญาติ ครับ
ดูไปเลื่อยๆนะครับ ผมถ่ายมาสะเยอะเลย
เลื่อยมา
ลงมาเลื่อยๆครับ
มีอีกนะครับ
ด้านหลังก็ใช่นะครับ
วัตถุมงคล ที่ทางวัดให้เช่าครับ ราคาไม่แพงมากครับ
อันนี้อาจเป็นตะกรุดแบบเดียวกับที่หลวงพ่อกลั่นสร้างถวายเสด็จเตี่ยครับ
ท่าน้ำหลังวัดครับ ผมสันนิฐานว่า เสด็จเตี่ยอาจจะขึ้นลง บริเวณนี้ด้วยครับ
มีสองท่าครับ
บันไดขึ้นจากท่าน้ำครับ
จบดูกันเข้าไป 555+
(ที่มา จากน้องลาดกระบังที่ post ไว้ที่ กระดานปัญญาชน)
แนะนำเว็บไซต์ใหม่ สำหรับคนรัก notebook รวมเรื่องน่ารู้ http://lovenotebook.co.cc หรือ http://lovenotebook.110mb.com เข้ามาพบกันนะครับ
29 มกราคม 2552
การเดินทาง...ของ "แม่" คนหนึ่ง
พบกับเรื่องราวของ ' ผู้เป็นแม่' ที่น่าเศร้าใจเรื่องหนึ่ง
ในวันที่สามของการไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี สมมุติว่าแกชื่อว่า... ' ป้าใจ' ก็แล้วกันนะคะ
ฉันได้รู้จักกับแกก็เพราะว่า...เจ้าหน้าที่ให้ฉันย้ายข้าวของออกจากโรงเรือนที่นอนมาแล้วสองคืน ไปหาที่นอนใหม่ เพราะว่าจะมีคณะของทหาร (ไม่รู้มาจากหน่วยไหน) ประมาณ 300 นาย ถูกส่งมาฝึกปฏิบัติกรรมฐานในบ่ายวันนั้น ฉันหอบของเดินมาที่โรงเรือนใกล้ ๆ กัน เปิดประตูเข้าไป มองเห็นที่ว่างอยู่ จึงตรงปรี่ไปที่นั่นทันที และตรงนั้น มีป้าใจ กำลังนอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่
แรก ๆ ฉันออกจะไม่ไว้ใจป้าแกนัก เพราะแกบอกว่า แกเป็นคนร่อนเร่ ร่อนเร่ไปตามวัดต่าง ๆ ไปอาศัยข้าววัดกิน อาศัยที่วัดนอน... ออกจากวัดนั้น ไปวัดนี้ ไปเรื่อย ๆ ไม่มีจุดมุ่งหมาย... ใครบอกที่วัดไหนมีคนไปเยอะ แกก็จะไปวัดนั้น เพราะนั่นหมายความว่า... แกจะมีข้าวกินพออิ่มรอดไปวัน ๆ แน่นอน ยามฉันนอน ฉันก็จะระวังตัว ทั้ง ๆ ที่ไม่มีของมีค่าอะไรติดตัวไป โทรศัพท์ก็ไม่ได้พกไป จะมีก็แค่สร้อยทองที่คล้องอยู่กับคอ เส้นก็ไม่ใหญ่นัก สตางค์ที่พกไปพอทำบุญ และใช้หนี้สงฆ์ กับซื้อหนังสือของหลวงพ่อกลับบ้าน
อีกวันถัดมา แกก็มาบอกลา....ว่าจะกลับแล้ว จะติดรถไปกับเพื่อนใหม่ ที่แกมารู้จักที่นี่ แกเปลี่ยนจากชุดขาว เป็นชุดธรรมดาเรียบร้อย รอติดรถเพื่อนแกจะไปลงแถว ๆ ลาดพร้าว คืนวันนั้น ฉันยังเจอแกใส่ชุดขาวอีกครั้ง นอนเอามือก่ายหน้าผากเหมือนเดิม ฉันไม่ได้ถาม หรือซักไซร้ไล่เรียงอะไรแก แต่กลับรู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก พลันคิดต่อว่าตัวเองในใจว่า... ทรัพย์สินของฉันเมีเพียงแค่นี้...ฉันก็ยังทำหวงไปได้ ทำให้จิตใจตัวเองกังวลไปเปล่า ๆ ดูป้าแกไม่ใช่คนมือไว หรือคน 'ขี้ขอ' เลยสักนิด ฉันไม่เคยเห็นแกขอเงินใครสักคนเลย
รุ่งเช้า หลังจากทำวัตรเช้า และทานอาหารเช้าเสร็จ ฉันจึงนั่งคุยกับป้าใจอย่างเป็นทางการครั้งแรก
' ป้าเป็นคนที่ไหนเหรอคะ'
' ป้าเป็นคนเพชรบูรณ์จ้ะ'
' ป้าไม่มีลูกบ้างเหรอคะ'
' ป้ามีลูกสามคน สองคนน่ะเป็นผู้ชาย โตกันหมดแล้ว คนเล็กเป็นลูกสาว ป้ายกให้คนขับรถตู้ที่รู้จักกันตั้งแต่แปดขวบ'
' แล้วทำไมป้าไม่ไปอยู่กับลูกชายล่ะคะ ทำไมป้าต้องมาร่อนเร่อย่างนี้ด้วย'
ป้าเงียบไปพักหนึ่ง นั่งชันเข่า แล้วกอดเข่าเอาไว้ เหมือนจะหาหลักยึดร่างกายแกเอาไว้ กันมันสั่นไหวโยกไปตามแรงสะอื้น ที่แกพยายามปกปิดฉัน ด้วยการหันหน้าไปทางอื่น
' ป้าไปหามันแล้ว มันไม่ให้ป้าอยู่ด้วย มันบอกว่าเพิ่งโดนไล่ออกจากยามมา ลูกป้าคนนี้มันทำงานไม่ทนหรอก'
' แปลว่าเค้ากำลังตกงานเหรอคะป้า'
' มันได้งานใหม่แล้ว เป็นยามอยู่แถวรังสิต แต่มันไม่ให้ป้าอยู่ด้วย เพราะมันเพิ่งทำงาน มันบอกมันไม่มีปัญญาเลี้ยงป้าน่ะ'
' ดูป้าก็ไม่ใช่คนกินจุซักหน่อยเนาะ แล้วลูกชายป้าอีกคนล่ะ'
' คนนั้นน่ะ มันทำให้ป้าต้องมาร่อนเร่อยู่อย่างนี้ไงล่ะหนู'
' อ้าว...ทำไมเหรอคะ'
' ก็มันน่ะไปหุ้นกะผู้หญิง แล้วผู้หญิงเค้าโกงไปหมดเลย มันก็เลยกลับมาอยู่บ้าน กลับมาก็ไม่ทำอะไรหรอก หาเรื่องทะเลาะกับญาติคนโน้นคนนี้เค้าไปทั่ว ทะเลาะกันจนเค้าตัดไฟ บ้านป้าเลย ป้าขอต่อพ่วงไฟจากบ้านเค้ามาน่ะ'
' ทะเลาะกันรุนแรงเลยสิคะ'
' ฮื่อ พอเค้าตัดไฟ ไอ้ลูกป้าก็หนีหายไปอยู่ที่อื่น พอมันไปแล้ว ญาติ ๆ ก็มายืนด่าป้าปาว ๆ ที่หน้าบ้านทุกวัน ว่าเลี้ยงลูกไม่ดี ป้าก็อับอายเค้า แถมมืดลงก็มองอะไรไม่เห็น เพราะเค้าตัดไฟ ป้าก็เลยต้องออกมาร่อนเร่อย่างนี้แหละหนู มันคงเป็นกรรมเวรของป้าเอง ป้าเลี้ยงพวกมันมาตั้งแต่เกิด ไปทำงานก่อสร้างที่ไหน ๆ ก็ต้องหอบกระเตงมันไป ป้ากินอย่าง อด ๆ อยาก ๆ เพราะต้องหาให้มันกินจนอิ่มก่อน หาเงินส่งเสียให้พวกมันเรียนจนจบม. 3 พอมันโตทำงานกันได้ ป้าก็ยังต้องอด ๆ อยาก ๆ เหมือนเดิม ไม่รู้นะ ว่าป้าทำกรรมทำเวรอะไรมา'
ฟังถึงตรงนี้ กลับเป็นฉันเองที่ต้องแอบเบือนหน้าหนีแก เช็ดน้ำตาที่ไหลเป็นทางปรอย ๆ ด้วยความสงสาร เออหนอ...โลกนี้ช่างขาดความยุติธรรมเสียจริง ๆ ทีกับฉันที่อยากจะเลี้ยงดูพ่อใจแทบขาด.....สวรรค์ก็แกล้งเอาลมหายใจพ่อของฉันไปดื้อ ๆ ซะอย่างนั้น แต่กับป้าคนนี้ สวรรค์กลับปล่อยให้แกมีลมหายใจอยู่อย่างทุกข์ทน ทำไมลูก ๆ ของป้าจึงกลับไม่เหลียวแลเลยสักนิด... ทำไมพวกเค้าไม่ยินดีกับ โอกาส ที่ได้...โอกาสที่ฉัน หรือใครอีกหลาย ๆ คนต้องการที่จะได้รับ ทำไมพวกเค้าปฏิเสธ โชคดี ที่พวกเค้ากำลังได้รับ...โชคดี ที่ฉัน หรือใครอีกหลาย ๆ คนก็วาดหวัง
' แล้วป้าจะไปไหนต่อจ๊ะ'
' จริง ๆ ป้าก็อยากทำงาน แต่ไปที่ไหน ๆ เค้าก็ไม่รับ บอกว่าป้าแก่แล้ว พอดีเพื่อนคนเมื่อวานที่ป้าจะกลับด้วยน่ะ เค้าให้ที่อยู่ไว้ ให้ป้าไปสมัครเป็นแม่บ้านที่ปั๊มน้ำมันเพื่อนเค้าน่ะ'
' ดีจัง แล้วป้าจะไปยังไงล่ะคะ'
' พอดีเมื่อวาน รถเค้าเต็ม วันนี้สาย ๆ ป้าว่าจะออกไปนั่งรถเมล์ไปกรุงเทพน่ะ'
' แล้วป้าไปถูกเหรอคะ'
' ป้าไปมาหมดทั่วประเทศแล้ว ไปไม่ยากร้อก แค่ลาดพร้าว 85 เอง'
' ฮ่ะ ๆ ป้าเก่งกว่าหนูอีกนะเนี่ย หนูยังไปกรุงเทพไม่ค่อยถูกเลย'
ป้าแกส่งเสียงหัวเราะตามฉันพร้อมพูดว่า... ' ถ้าหนูอยากไปไหนบอกป้านะ เดี๋ยวป้าจะพาไป'
ฉันเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ จะแปดโมงแล้ว ถึงเวลาปฏิบัติกรรมฐานอีกแล้ว ฉันจึงขอตัว ก่อนจากกัน ฉันหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนรูดซิบกระเป๋าใบเล็กที่คล้องคออยู่ ที่แสนจะหวงนักหวงหนาเมื่อคืนก่อน ฉันควักเงินออกมาแล้วยัดใส่มือแก พร้อมพูดว่า
' หนูช่วยป้าพอค่าเดินทาง กับค่าอาหารได้แค่สองวันนะจ๊ะ'
ป้าใจแกยกมือท่วมหัว ปากก็พร่ำคำขอบคุณคำอวยพรต่าง ๆ นา ฉันมองเห็นใบหน้าป้าที่เปี่ยมสุข...ก่อนฉันหันหลังเดินจากป้าใจมา พร้อมน้ำตาที่เอ่อท่วมท้น... เงินเพียงน้อยนิด สร้างสุขให้ป้าได้ขนาดนี้เชียวหรือ แล้วป้าเค้าจะได้งานทำหรือเปล่านะ หากไม่ได้งานทำเพราะเหตุผลเดิม ๆ ป้าใจแกก็ต้องเดินทางร่อนเร่ไปเรื่อย ๆ เหมือนเดิม... ชีวิตแก จะต้องเดินทางต่อไปอีกยาวไกลแค่ไหนนะ...
ฉันขอภาวนา ให้ลูก ๆ ของป้าสักคน หยุดการเดินทางของ 'แม่' ของเขาด้วยการเลี้ยงดูด้วยเถอะ แกต้องการแค่ที่นอน และอาหารเพียงสามมื้อที่ไม่ต้องซื้อหามาด้วยราคาแพง ๆ ...แค่นั้นเอง
ฉันขอภาวนา ให้ลูก ๆ ของป้าสักคน หยุดการเดินทางของ 'แม่' ของเขาด้วยการเลี้ยงดูด้วยเถอะ แกต้องการแค่ที่นอน และอาหารเพียงสามมื้อที่ไม่ต้องซื้อหามาด้วยราคาแพง ๆ ...แค่นั้นเอง
ที่มา.......ฟอร์เวิล์ดเมล์
24 มกราคม 2552
ใครเคยเล่น Gladiatus บ้าง
เกมส์ Gladiatus : Hero of rome หรือที่เรียกกันว่า เกมอัศวินออนไลน์ หรือ นักสู้แห่งโรง เป็นเกมส์ประเภท MMORPG Web Browser คือ เกมส์ Online ที่เล่นบนเว็บผีมือคนไทย ตัวเกมส์จะเป็นภาษาไทยทั้งหมด และเห็นว่ากันว่า เล่นฟรีไม่เสียเงิน ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับการประลองฝีมือของนักสู้ในสมัยโรมัน พูดไปแล้วทำให้นึกถึงหนังหลายๆเรื่อง ที่เกี่ยวกับการประลองในโคลัสเซียม ซึ่งเว็บไซต์หลักคือ www.gladiatus.com ส่วนภาษาไทยใครสนใจก็ที่
http://s2.th.gladiatus.com/ น่าลองเหมือนกันนะเนี่ย
ไปอ่าน review กันหน่อยดีกว่า
The tagline for Gladiatus : Hero of rome is "If you aren't afraid of the dangers of the wilderness, if you can proudly enter the arena and you are able to defeat everyone who challenges you - then enter the merciless world of Gladiatus!"
But while the description promises brave new challenges, in reality Gladiatus is a poor attempt at recreating a Gladiator style strategy game. The emphasis is definitely on strategy although not a great deal at that. When you sit down to a game that's about Gladiators, you want to slash a lion to pieces or go up against some big brute sent out to maim you by Julius Caesar.
There's little action - your victories are based on how well equipped your Gladiator is by pumping up his stats by buying extra armor and taking on bigger and more dangerous strategical challenges like raiding temples and barbarian villages. The graphics are delicately drawn at least recreating a realistic old Rome but this does little to compensate for the rather limited and painstakingly slow gameplay.
Russell Crowe it ain't but if you're a real history buff and love your Roman Empire themed games, you'll at least enjoy the scenery.
Languages:English
About the license:Some options only available in Premium version
OS requirements for Gladiatus:
OS: Win95/98/98SE/Me/2000/NT/XP/2003/Vista
Minimum requirements:Free registration: Publisher's website
ที่มา http://gladiatus.en.softonic.com/
เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา เขียนรีวิวถึง Travian : Browser Game สำหรับนักวางแผน
ด้วยความง่ายในการเข้าถึงเกม ไม่ต้องเสียเวลาติดตั้ง อัพเดทแพช หรือใช้การ์ดจอระดับเทพ
เพียงเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านมีอินเตอร์เน็ตบราวเซอร์ (IE, FF) ก็สามารถเล่นเกมได้แล้ว
โดยเกม Travian ให้เราเลือกเล่นเป็น 1 ใน 3 เผ่า ซึ่งมีรายละเอียดความสามารถแตกต่างกัน
ตามความชอบของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น Teutons จอมบุก, Gauls เฝ้าบ้าน, Romans สมดุล
ต่อด้วยการเก็บทรัพยากร (ไม้, โคลน, เหล็ก) อัพเกรดสิ่งปลูกสร้าง และผลิตทหารชนิดต่างๆ
แม้วิธีการเล่นจะตายตัว แต่ความสามารถซึ่งแตกต่างกันของแต่ละเผ่า บีบให้ผู้เล่นต้องร่วมมือ
ทำสงครามรุกรับ ผลาญเวลาและพลังชีวิตของผู้เล่นไปอย่างมหาศาล ไม่แพ้เกมออนไลน์ดังๆ
.
.
แม้ตัวเกมจะสนุก แต่พอเล่นไป ความเครียดก็ยิ่งสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่เป็นอันกินอันนอน
(server ต่างประเทศยกกองทัพมาตีกันโหดมาก) หลายคนจำต้องยกธงขาวก่อนเกมจะสิ้นสุด
หลังหยุดเล่น Travian พักใหญ่ๆ ก็ไปกดโดนแบนเนอร์โฆษณา Gladiatus เข้าที่ไหนสักแห่ง
จึงลองเล่นดูสักนิด พบว่าเล่นได้สบายใจกว่า ไม่เบียดเบียดเวลาของชีวิตมากเท่ากับ Travian
เกม Gladiatus ให้เราสวมบทบาทเป็นนักสู้ (Gladiator) แห่งกรุงโรมในยุคที่โรมันเรืองอำนาจ
วิธีการเล่นพื้นฐานก็เหมือนเกมทั่วไป คือ หาเงินทองเพื่ออัพเกรดค่าสถานะและซื้อชุดอุปกรณ์
แต่ คราวนี้เราเป็นนักต่อสู้โดดเดี่ยว ไม่ต้องหาพันธมิตรเพื่อใช้แผนการโจมตีแบบดาวกระจาย
หรือระดมพลป้องกันจุดยุทธศาสตร์ (แค่วินาทีเดียวใน Travian ก็ทำให้เหตุการณ์พลิกผันได้)
.
.
ชีวิตใน Gladiatus
.
คอกม้า
ในตอนแรกที่ยังระดับต่ำๆ ไม่มีอาวุธ ชุดอุปกรณ์ดีๆ คอกม้า คือสถานที่หาเงินที่ปลอดภัยที่สุด
เมื่อระดับเพิ่มขึ้น จำนวนเงินต่อชั่วโมงก็จะมากขึ้น สามารถเลือกทำงานได้ตั้งแต่ 1 - 8 ชั่วโมง
ก่อนนอน ก็อย่าลืมเลือกให้ตัวละครทำงานที่คอกม้า 8 ชั่วโมงนะครับ ดีกว่าปล่อยให้อยู่เปล่าๆ
- ระหว่างการทำงานที่คอกม้า จะไม่สามารถประลองฝีมือหรือทำเควสต์ได้จนกว่าจะกดยกเลิก
.
สนามประลองฝีมือ
สถานที่ทำเงินอีกแห่งหนึ่ง ถ้าคุณมั่นใจว่าอัพค่าสถานะมาดีพอและสวมใส่ชุดอุปกรณ์ที่เจ๋งพอ
แต่ในช่วงต้นๆ ของเกม ถ้าไม่ใช่การต่อสู้ตามเควสต์บังคับแล้ว จะเป็นที่ทำให้เสียเงินมากกว่า
ในหน้านี้จะแสดงรายชื่อนักสู้ 5 อันดับแรกที่ไม่น่าเข้าไปแหยม กับ 5 อันดับที่อยู่ใกล้เคียงเรา
- การประลองฝีมือ ทำได้ทุกๆ 15 นาที ถ้าต้องการสู้กับผู้เล่นแบบเจาะจง ก็ต้องจ่ายนิดหน่อย
.
ร้านเหล้า
สถานที่หาเงินจากการรับเควสต์ ตั้งแต่เควสต์ง่ายๆ อย่างไปเจอคนนั้นคนนี้ หาของชิ้นนั้นชิ้นนี้
จนถึงการต่อสู้กับสัตว์ป่า โจรสลัด คนเถื่อน และการต่อสู้ในลานประลองฝีมือกับผู้เล่นคนอื่นๆ
เควสต์ย่อยจะคล้ายๆ กัน ตัวเลือกในระดับสูงกว่า จะเป็นการทำเควสต์ย่อยๆ ติดต่อกันมากขึ้น
- เควสต์ ก็มีระยะเวลาในการทำซ้ำเช่นกัน อย่างเควสต์ระดับง่ายที่ผู้เล่นเลเวลสูงๆ ทำเสร็จเร็ว
.
ร้านขายอาวุธ ชุดเกราะ
เข้าไปครั้งแรกอาจแปลกใจว่าทำไมของขายอยู่น้อยแบบ ทั้งนี้จะมีของมาใหม่ทุก 24 ชั่วโมง
ของขายจะค่อยๆ เพิ่มระดับสูงขึ้นตามระดับของเรา แถมมีความสามารถพิเศษแตกต่างกันไป
มีขายตั้งแต่อาวุธ ชุดเกราะ โล่ หมวก ถุงมือ รองเท้า แหวน เครื่องราง อาหารหรือยาเพิ่มพลัง
- อุปกรณ์ชิ้นใดที่มีระดับสูงกว่าตัวเรามากๆๆ (เกิน 5 ระดับ) จะต้องใช้อัญมณีบางส่วนช่วยซื้อ
.
ร้านขายอัญมณี
เป็นจุดหารายได้ของผู้พัฒนาเกม สำหรับผู้เล่นเงินถุงเงินถัง ที่ขี้เกียจรอระดับของตัวเองสูงขึ้น
สามารถใช้เงินจริง ซื้อทับทิมในเกม เอาไปซื้ออุปกรณ์ที่มีระดับสูงกว่าตัวละครของเรามากได้
แต่ถ้าเราไม่รีบร้อน ค่อยๆ เก็บประสบการณ์ไป เดี๋ยวก็หาซื้อได้เอง โดยไม่ต้องใช้ทับทิมครับ
- เนื่องจากไม่มีของฟรีให้ทดลองแบบ Travian Plus, จึงไม่ทราบว่าคุ้มค่ามากน้อยขนาดไหน
.
.
ระบบการเล่น
.
สำหรับการต่อสู้ในแผนที่ เกมจะให้เรามา 12 แต้ม การต่อสู้แต่ละแบบ ใช้แต้มแตกต่างกันไป
แบบเดินทาง ระยะสั้น 10 นาที [2 แต้ม] ปานกลาง 20 นาที [4 แต้ม] นาน 30 นาที [6 แต้ม]
แต้มจะฟื้นฟูเองโดยอัตโนมัติ (1 แต้ม/ชั่วโมง) เป็นการจำกัดเวลาที่เราต้องเสียได้เป็นอย่างดี
ทำให้การเล่น Gladiatus ในแต่ละครั้ง จะเสียเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเศษๆ ก่อนที่แต้มจะหมดไป
(ถ้าไม่เล่นแบบเสียเงินจริง วันหนึ่งๆ จะเล่นได้ไม่เกิน 2 รอบ ที่เหลือก็ยัดตัวละครเข้าคอกม้า)
และถ้าเราไม่ได้อยู่ในระดับ Top 5 ก็ไม่ต้องมานั่งกลัวจะสูญเสียเงิน เวลาผู้เล่นอื่นมาประลอง
เพราะการสู้กับตัวละครที่มีระดับต่ำกว่าเรามากๆ ผู้เล่นที่มีระดับสูงกว่าแทบไม่ได้อะไรเลยครับ
เกมนี้ออกแบบให้ผู้เล่นได้ประโยชน์สูงสุดเมื่อสู้กับผู้เล่นที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกันหรือสูงกว่า
.
ประเด็นอื่นๆ
- ภาพหรือตัวอักษรบางจุดมีปัญหากับ Firefox เล็กน้อย, แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการเล่น
- Gladiatus เซิฟเวอร์ไทยเขียนผิดพลาดหลายจุด (ชื่อสถานที่ในแผนที่ ผิดเต็มๆ ไป 1 แห่ง)
- การจัดการอุปกรณ์ต่างๆ ใช้ระบบกล่องเก็บของแบบโบราณ บางทีก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนัก
.
Related Links
- Gladiatus Inter
- Gladiatus ภาษาไทย
Hero of rome
" เวลา " และคงไม่มีใครไม่เคยลิ้มรสของคำว่า " เสียดายเวลา "
" เวลา " และคงไม่มีใครไม่เคยลิ้มรสของคำว่า " เสียดายเวลา "
เคยถามตัวเองบ้างหรือไม่ว่าทำไมคำว่า “เสียดายเวลา” จึงเกิดขึ้นกับชีวิตเราและคำๆนี้ไม่ได้เกิดเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิตคนเรามันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเรารู้สึกเคยชินกับมันไปแล้ว
ถึงแม้จะมีนักคิดนักเขียนจะออกมาพูดตลอดเวลาว่าเวลาเป็นสิ่งมีค่า ซื้อหาไม่ได้ ขายไม่ได้ หยิบยืมไม่ได้ ขอใช้ล่วงหน้าไม่ได้ กักตุนไม่ได้ สะสมไม่ได้ แบ่งปันไม่ได้ และที่สำคัญไม่มีใครเป็นเจ้าของเวลาที่แท้จริง เพราะเวลาเป็นกฎธรรมชาติอิสระที่ทุกคนได้มาเท่าเทียมกัน ทุกคนมีเวลาบนพื้นฐานเดียวกันคือวันละ 24 ชั่วโมง ชั่วโมงละ 60 นาที ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนของโลกเชื้อชาติอะไร สัญชาติใด คุณก็มีเวลาเท่าเทียมกันแต่ความสำคัญอยู่ที่ใครจะใช้เวลาได้คุ้มค่ากว่าใครเท่านั้น
เราคงเห็นเพื่อนๆหลายคนที่เกิดมาพร้อมๆกัน สิ่งแวดล้อมไม่แตกต่างกัน เรียนหนังสือมาพร้อมๆกัน เข้าทำงานพร้อมๆกัน แต่นับวันความแตกต่างในชีวิตเริ่มมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดห่างไกลกันคนละชั้นหรือเรียกได้ว่าคนละระดับกันเลยก็มี ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งคือ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเวลาในชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกันนั่นเอง
คนส่วนมากใช้เวลาอ่านหนังสือเพื่อให้ได้ความรู้เพิ่มขึ้น คนหลายคนใช้เวลาอ่านหนังสือเพื่อพัฒนาความรู้ คนบางคนอ่านหนังสือเพื่อต่อยอดของความรู้ และคนบางคนอ่านหนังสือเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ ดังนั้นเราไม่สามารถบอกได้ว่าคนอ่านหนังสือเรื่องเดียวกันในเวลาเดียวกัน จะได้ผลตอบแทนที่เหมือนๆกัน สิ่งสำคัญอยู่ที่คนๆนั้นได้ใช้โอกาศแห่งเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด
ถ้าเราอยากรู้ว่าเราทำเวลาตกหล่นในชีวิตมากน้อยเพียงใด ขอให้เราลองนำจำนวนความสำเร็จที่ได้มาในปัจจุบันหารด้วยเวลาในชีวิตที่ผ่านมาเพื่อดูว่าความสำเร็จนั้นๆใช้เวลาเฉลี่ยเท่าไหร่ คนบางคนใช้เวลาทั้งชีวิตกว่าจะได้บ้านมาสักหลัง แต่คนบางคนใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก็สำเร็จแล้ว บางคนอาจคัดค้านและไม่เห็นด้วยเพราะแต่ละคนมีฐานะแตกต่างกัน ถึงแม้บางคนจะเกิดมาบนกองมรดกกองเงินกองทองในขณะที่บางคนเกิดมาบนกองขยะแห่งความยากจนก็ตาม แต่บทสรุปของชีวิตก็คือคนเรามีหนึ่งสมองสองมือเหมือนกัน เราจะเห็นได้ว่าในสังคมนี้มีคนเคยรวยเยอะแยะที่กลายมาเป็นคนจนแทบจะไม่มีกิน เราเคยเห็นคนเคยจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดมาเป็นคนรวยเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับ สิ่งเหล่านี้แหละที่ผมต้องการชี้ให้เห็นว่าความแตกต่างภายนอกของคนไม่ได้เป็นสิ่งที่จีรังยั่งยืนเท่ากับสิ่งที่อยู่ภายในของเราเอง ดังนั้นเราอย่าไปหาเหตุมาอธิบายตัวเองให้ดูดีเลยว่าที่เราเป็นอย่างนี้เพราะเราไม่มีโน่นไม่มีนี่เหมือนคนอื่นเขา เราต้องหันมาทบทวนและมองตัวเองว่าเราได้ใช้เวลาที่ผ่านมาคุ้มค่าและเพิ่มค่าให้กับชีวิตมากน้อยเพียงใด
คนส่วนมากมักจะปล่อยให้เวลาแห่งชีวิตผ่านไปตามยถากรรมเหมือนลูกมะพร้าวแห้งลอยน้ำที่ล่องลอยไปตามกระแสคลื่นไม่สามารถกำหนดเป้าหมายแห่งชีวิตให้กับตัวเองได้ หรือไม่ก็มีเพียงกำหนดเป้าหมายของชีวิตเหมือนคนทั่วๆไป เช่น ทำงานเป็นลูกจ้างไปเรื่อยๆ วันหนึ่งก็จะเติบโตเป็นผู้บริหาร และสุดท้ายก็เก็บเงินออมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อนำไปใช้ในวัยเกษียณ และนั่งดูลูกดูหลานรุ่นต่อๆไปเจริญเติบโตตามรอยของตัวเอง
คนที่สามารถบริหารเวลาแห่งชีวิตให้มีมูลค่าเพิ่มได้นั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือ กำหนดเป้าหมายแห่งชีวิตให้ชัดเจนก่อนว่าเมื่อไหร่ ต้องมีอะไร ได้อะไร อยู่ที่ใหน เพราะชีวิตเปรียบเสมือนการแข่งเรือใบ ไม่ใช่มะพร้าวแห้งลอยน้ำ เราจะต้องมีการกำหนดว่าจะแล่นเรือใบไปที่ไหน ระยะทางเท่าไหร่ และเรามีเวลาอยู่เท่าไหร่ เมื่อเราทราบเป้าหมายและเวลาที่มีอยู่แล้ว จะทำให้เรามีการวางแผนการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นต้องใช้เวลาในการออกสตาร์ทเท่าไหร่ ต้องใช้เวลาในการปรับใบเพื่อเปลี่ยนทิศทางภายในกี่วินาที ถ้าเจอมรสุมหรือคลื่นแรงๆเราจะต้องจัดการอย่างไร สิ่งเหล่านี้ล้วนมีคำตอบในตัวมันเองว่าถ้าเป้าหมายเป็นแบบนี้ มีเวลาเท่านี้แล้วเราจะบริหารเวลาที่มีอยู่ได้อย่างไร
ในชีวิตของเราทุกคนก็เหมือนกัน ถ้าเรามีเป้าหมายชัดเจนมันจะบอกเราเองว่าอีก 5 ปีข้างหน้าเราจะต้องทำอะไรบ้าง อีก 1 ปีข้างหน้าเราจะต้องมีอะไรบ้าง เดือนหน้าเราจะต้องทำอะไรบ้าง และมันจะบอกเราแม้กระทั่งว่าวันนี้เวลานี้เราจะต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งจะทำให้การใช้เวลาของเราทุกวินาทีตอบโจทย์ได้ว่าเราใช้เวลาในแต่ละช่วงไปเพื่ออะไรและใช้อย่างไร
การที่หลายคนชอบยกตัวอย่างให้เราคิดตามว่า ถ้าเรามีเวลาเหลือเพียง 7 วันในชีวิตนี้ มีอะไรบ้างที่เรายังไม่ได้ทำและอยากจะทำก่อนที่จะไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เป็นตัวอย่างที่ดีที่สามารถจำลองการใช้เวลาในชีวิตของเราให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สิ่งนี้คงจะคล้ายๆกับสำนวนไทยที่ว่า “ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ” นั่นเอง
จึงอยากให้ทุกคนลองคิดดูว่าเวลาทำงานของเราจริงๆ นั้นมีเพียงไม่กี่พันวัน ลองคิดกันเล่นๆนะครับว่าสัปดาห์หนึ่งเราทำงาน 5 วัน เดือนหนึ่งทำงาน 22 วัน ปีหนึ่ง 264 วัน ถ้าเราอายุ 30 เรามีเวลาเหลือเพียงอีก 30 ปีก่อนเกษียณอายุ เราจะมีเวลาทำงานจริงๆเพียง 7,920 วันเท่านั้นเอง ซึ่งไม่มากมายอะไร ขอให้ลองมาคำนวณดูว่าในจำนวนวันทำงานที่เหลืออยู่นี้ เราต้องการทำอะไรบ้าง แต่ละอย่างต้องใช้เวลาเท่าไหร่ พอหรือไม่ ถ้าไม่พอเราจะคิดหาหนทางบริหารเวลาที่เหลือนี้อย่างไร ผมเชื่อว่าถ้าทุกคนนำเป้าหมายและเวลาที่เหลืออยู่มาวางแผนการใช้ล่วงหน้าแล้ว เราสามารถใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าและเพิ่มมูลค่าให้กับชีวิตได้
ดังนั้น การบริหารเวลาสำคัญอยู่ที่เราได้มีการกำหนดเป้าหมายชีวิตไว้ชัดเจนหรือยัง ในแต่ละช่วงเวลาเราได้จัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมในชีวิตได้ดีเพียงใด คนบางคนบอกว่าอยากออกกำลังกายแต่ไม่มีเวลา จริงๆแล้วทุกคนมีเวลาเพียงพอสำหรับการออกกำลังกายหรืออาจจะมีเหลือเฟือด้วยซ้ำไป แต่ที่เราไม่สามารถออกกำลังกายได้เพราะเราได้จัดลำดับของการออกกำลังกายไว้อันดับท้ายๆนั่นเอง
เรามัวแต่ไปให้ความสำคัญกับการทำงาน สังคม หรือกิจกรรมในชีวิตด้านอื่นๆจนไม่มีเวลาเหลือให้กับการออกกำลังกาย คุณเชื่อหรือไม่ว่าถ้าวันหนึ่งคุณเป็นโรคบางอย่างที่สร้างปัญหาให้กับชีวิตของคุณอย่างยิ่งยวด และคุณหมอแนะนำว่ามีวิธีเดียวที่จะสามารถรักษาโรคนี้ได้คือการออกกำลังกาย เชื่อเหลือเกินว่าการออกกำลังกายของคุณจะแซงทางโค้งขึ้นมาเป็นความสำคัญอันดับหนึ่งในชีวิตของคุณอย่าแน่นอน
วิธีการการตรวจสอบธนบัตรปลอม การตรวจสอบแบงก์ปลอม เพื่อจะได้นำมาป้องกันตัวเองไว้ครับ
ฝากไว้นิดจ้า
http://www.champ108.com/products/และผลงาน คศ.3รวมถึงสิ่งดีๆจากข่าวอาจารย์3ข่าวชำนาญการพิเศษของดีที่เราเต็มใจนำเสนอจ้า :: We love Computer Center.
กลยุทธ์ชะลอวันตายฉบับสาระ
กลยุทธ์ชะลอวันตายฉบับสาระ
กลยุทธ์ชะลอวันตายฉบับสาระ
1. การได้งีบทุกวัน วันละ 15 นาที Boston University ยืนยันว่าจะทำให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพและมีสมาธิดีขึ้น
2. ทานกล้วยวันละ 2 ใบ ลดความเสี่ยงในการเกิด stroke หรือลดการเป็นลมเนื่องจากสมองขาดเลือดได้
3. ทาน chocolate 3 ชิ้นต่อเดือน อายุยืนขึ้น 1 ปี เพราะแสดงออกถึงประสิทธิภาพในการลด LDL Cholesteral
4. กวาดใบไม้ที่บ้านด้วยตัวคุณเอง เผาผลาญพลังงานไป 420 kj ทุกๆ 20 นาที นั่นเท่ากับการออกวิ่ง 1,500 เมตร
5.ล้างจานด้วยมือแทนที่จะเป็นเครื่องล้างจานเผาผลาญพลังงานได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 395 kj ต่อวัน หรือเท่ากับ 4.5 kg ตลอดระยะเวลา 1 ปี
6. เปลี่ยนไส้แซนด์วิชของคุณ จาก ham มาเป็น tuna อาทิตย์ละ 2 ครั้ง ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจได้ 25 %
7.จูบลาแฟนคุณทุกเช้า และทักเธอทันทีเมื่อถึงบ้าน ทำชีวิตสมรสคุณให้ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ Dr.Dave M. Davis, Director of เพราะในประเทศญี่ปุ่น พบว่า ผู้ชายที่ทำงานมากกว่า 11 ชั่วโมงต่อวัน มีโอกาสหัวใจวายมากกว่าคนปกติที่ทำงานถึง 9 ถึง 11 ชั่วโมงต่อวัน ถึง 2.5 ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง - Chilean Cabernet และ Sauvignon มีสารที่มีประโยชน์ เช่น flavomoids, antioxidants ลดการเกิดมะเร็งโดยการลดอนุมูลอิสระ มากกว่าใน wine ของฝรั่งเศสถึง 38 รักษาไข้ให้หายเร็วที่สุด ตัดโอกาสที่คุณจะป่วยไข้ลงมากถึง 90 %
12.หลังจากออกกำลังกายอย่างหนัก ให้ทานวิตามิน C ลดความเสี่ยงในการเป็นหวัดลง 50 %
13. ทานอาหารเช้าทุกวัน ลด น.น.ได้ทันที Franca Alphin จาก Duke University, Diet and Fitness Centre in the US กล่าวว่าทั่วไปแล้วผู้ชายที่เว้นทานอาหารเช้าจะทานอาหารมากกว่านั้นในช่วงต่อมาและมักจะเลือกอาหารที่อุดมไปด้วยไขมัน และ kilojules
14.ดื่มน้ำเย็นวันละ 4.5 ลิตร ทุกวัน ลด น.น.ลงได้ 0.5 kg. ทุกๆ 4 สัปดาห์ เนื่องจากร่างกายของคุณจะใช้พลังงาน 516 kilojules ในการทำให้น้ำดื่มอุณหภูมิเป็น 22.7c เมื่อคุณดื่มเข้าไป
15. เหยียดขา (hamstring) ของคุณออกไปเต็มที่ค้าไว้ 30 วินาที วันละ 5 ครั้ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงความสามารถในการยืดหยุ่นของคุณอีก 37 %
16. บ้วนปากทันทีทุกครั้ง หลังทานอาหาร ลด bacteria ในช่องปากลงได้ 30 และที่สำคัญที่สุด คือ ช่วยลดความเสี่ยงของฟันผุ
17.ทาน apple วันละ 2 ลูก ลด 4.5 kg ได้ภายใน 1 ปี, เส้นใยอาหารใน apple ช่วยในการลด น.น.ด้วยการช่วยขัดขวางการย่อยไขมัน และโปรทีนในร่างกาย
18.ทำความสะอาดอ่างล้างจานของคุณทุกๆ 2 วัน กำจัด E.coli และ samonella bacteria จากสถานที่ที่มันชอบซ่อนตัวอยู่เป็นประจำ
19.เปลี่ยนแปลงจากเนยมาทาน low fat magerine แทนการลดปริมาณ cholesteral LDL cholesteral เป็นชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกายที่ร่างกายคุณจะได้รับ
วิธีการการตรวจสอบธนบัตรปลอม การตรวจสอบแบงก์ปลอม เพื่อจะได้นำมาป้องกันตัวเองไว้ครับ
ฝากไว้นิดจ้า
http://www.champ108.com/products/และผลงาน คศ.3รวมถึงสิ่งดีๆจากข่าวอาจารย์3ข่าวชำนาญการพิเศษของดีที่เราเต็มใจนำเสนอจ้า
ชีวประวัติ ท่านสุนทรภู่มหากวีของโลก
ชีวประวัติ ท่านสุนทรภู่มหากวีของโลก
ประวัติสุนทรภู่
สุนทรภู่เกิดเมื่อวันจันทร์ เดือน ๘ ขึ้น ๑ ค่ำ ปีมะเมีย จุลศักราช ๑๑๔๘ เวลาประมาณ ๘.๐๐ น. ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๓๒๙ ในรัชกาลที่ ๑ บิดามารดาชื่อใดไม่ปรากฏ ทราบเพียงว่ามารดามีเชื้อสายผู้ดี เเละทำหน้าที่เป็นแม่นมของพระธิดาในกรมพระราชวังหลัง ส่วนบิดานั้นบวชเป็นพระอยู่ที่วัดบ้านกร่ำ อำเภอเเกลง จังหวัดระยอง เมื่อสุนทรภู่โตพอสมควร มารดาได้นำไปฝากให้เรียนหนังสือที่วัดชีปะขาว หรือวัดศรีสุดารามในปัจจุบัน ครั้นมีความรู้ดีเเล้ว มารดานำไปฝากเป็นข้าในกรมพระราชวังหลัง เเต่อยู่ได้ไม่นานก็ลาออกไปเป็นเสมียน สุนทรภู่รับราชการไม่ก้าวหน้านัก เพราะติดนิสัยรักกาพย์กลอน กระทั่งในสมัยรัชกาลที่ ๒ จึงเป็นที่โปรดปรานให้เป็น "ขุนสุนทรโวหาร" ( ภู่ ) เรียกกันสั้นๆ ว่า "สุนทรภู่ " ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น " พระสุนทรโวหาร " เเละถึงเเก่กรรมเมื่อปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๙๘ อายุได้ ๗๐ ปี
ผลงาน
หนังสือบทกลอนที่สุนทรภู่เเต่งมีมากมาย ที่ได้ยินเเต่ชื่อเรื่องยังหาฉบับไม่พบก็มี ที่หายสาบสูญไปเเล้วไม่ได้ยินชื่อเรื่องก็มี เเต่เรื่องที่ยังมีต้นฉบับอยู่ในปัจจุบันมี ๒๔ เรื่อง คือ - นิราศ ๙ เรื่อง ได้เเก่ นิราศเมืองเเกลง นิราศพระบาท นิราศภูเขาทอง นิราศเมืองสุพรรณ นิราศวัดเจ้าฟ้า นิราศอิเหนา นิราศพระเเท่นดงรัง นิราศพระปฐม เเละนิราศเมืองเพชรบุรี - นิทาน ๕ เรื่อง ได้เเก่ โคบุตร พระอภัยมณี พระไชยสุริยา ลักษณวงศ์ เเละ สิงหไตรภพ - สุภาษิต ๓ เรื่อง ได้เเก่ สวัสดิรักษา เพลงยาวถวายโอวาท เเละสุภาษิตสอนหญิง - บทละคร ๑ เรื่อง คือ เรื่องอภัยนุราช - บทเสภา ๒ เรื่อง ได้เเก่ ขุนช้างขุนเเผน ตอนกำเนิดพลายงาม เเละเรื่องพระราชพงศาวดาร - บทเห่กล่อม ๔ เรื่อง ได้เเก่ เห่เรื่องจับระบำ เห่เรื่องกากี เห่เรื่องพระอภัยมณี เเละเห่เรื่องโคบุตร
:: วัยเด็ก (พ.ศ.๒๓๒๙ - ๒๓๔๙) แรกเกิด - อายุ ๒๐ ปี ::
พระสุนทรโวหาร (ภู่) มีนามเดิมว่า ภู่ เป็นบุตรขุนศรีสังหาร (พลับ) และแม่ช้อย เกิดในรัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันจันทร์ เดือนแปด ขึ้นหนึ่งค่ำ ปีมะเมีย จุลศักราช ๑๑๔๘ เวลาสองโมงเช้า ตรงกับวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๓๒๙ ที่บ้านใกล้กำแพงวังหลัง คลองบางกอกน้อย สุนทรภู่เกิดได้ไม่นาน บิดามารดาก็หย่าจากกัน ฝ่ายบิดากลับไปบวชที่บ้านกร่ำ เมืองแกลง ส่วนมารดา คงเป็นนางนมพระธิดา ในกรมพระราชวังหลัง (กล่าวกันว่าพระองค์เจ้าจงกล หรือเจ้าครอกทองอยู่) ได้แต่งงาน มีสามีใหม่ และมีบุตรกับสามีใหม่ ๒ คนเป็นหญิง ชื่อฉิมและนิ่ม ตัวสุนทรภู่เองได้ถวายตัว เป็นข้าในกรมพระราชวังหลังตั้งแต่ยังเด็ก สุนทรภู่เป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน สันทัดทั้งสักวาและเพลงยาว เมื่อรุ่นหนุ่มเกิดรักใคร่ชอบพอกับนาง ข้าหลวงในวังหลัง ชื่อแม่จัน ครั้นความทราบถึงกรมพระราชวังหลัง พระองค์ก็กริ้ว รับสั่งให้นำสุนทรภู่ และจันไปจองจำทันที แต่ทั้งสองถูกจองจำได้ไม่นาน เมื่อกรมพระราชวังหลังเสด็จทิวงคตในปี พ.ศ. ๒๓๔๙ ทั้งสองก็พ้นโทษออกมา เพราะเป็นประเพณีแต่โบราณที่จะมีการปล่อยนักโทษ เพื่ออุทิศส่วนพระราชกุศลแด่ พระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์ชั้นสูง เมื่อเสด็จสวรรคตหรือทิวงคตแล้ว แม้จะพ้นโทษ สุนทรภู่และจันก็ยังมิอาจสมหวังในรัก สุนทรภู่ถูกใช้ไปชลบุรี ดังความตอนหนึ่งใน นิราศเมืองแกลงว่า "จะกรวดน้ำคว่ำขันจนวันตาย แม้เจ้านายท่านไม่ใช้แล้วไม่มา" แต่เจ้านายท่านใดใช้ไป และไปธุระเรื่องใดไม่ปรากฎ อย่างไรก็ดี สุนทรภู่ได้เดินทางเลยไปถึงบ้านกร่ำ เมืองแกลง จังหวัดระยอง เพื่อไปพบบิดาที่จากกันกว่า ๒๐ ปี สุนทรภู่เกิดล้มเจ็บหนักเกือบถึงชีวิต กว่าจะกลับมากรุงเทพฯ ก็ล่วงถึงเดือน ๙ ปี พ.ศ.๒๓๔๙
:: วัยฉกรรจ์ (พ.ศ.๒๓๕๐ - ๒๓๕๙) อายุ ๒๑ - ๓๐ ปี ::
หลังจากกลับจากเมืองแกลง สุนทรภู่ได้เป็นมหาดเล็กของพระองค์เจ้าปฐมวงศ ์ พระโอรสองค์เล็กของกรมพระราชวังหลัง ซึ่งทรงผนวชอยู่ที่วัดระฆัง ในช่วงนี้ สุนทรภู่ก็สมหวังในรัก ได้แม่จันเป็นภรรยาสุนทรภู่คงเป็นคนเจ้าชู้ แต่งงานได้ไม่นานก็เกิดระหองระแหงกับแม่จัน ยังไม่ทันคืนดี สุนทรภู่ก็ต้องตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการพระพุทธบาท จ.สระบุรี ในวันมาฆบูชา สุนทรภู่ได้แต่งนิราศ เรื่องที่สองขึ้น คือ นิราศพระบาท สุนทรภู่ตามเสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ ในเดือน ๓ ปี พ.ศ.๒๓๕๐ สุนทรภู่มีบุตรกับแม่จัน ๑ คน ชื่อหนูพัด แต่ชีวิตครอบครัวก็ยังไม่ราบรื่นนักในที่สุดแม่จันก็ร้างลาไป พระองค์เจ้าจงกล (เจ้าครอกทองอยู่) ได้รับอุปการะหนูพัดไว ้ ชีวิตของท่านสุนทรภู่ช่วงนี้คงโศกเศร้ามิใช่น้อย ประวัติชีวิตของสุนทรภู่ในช่วงปี พ.ศ.๒๓๕๐ - ๒๓๕๙ ก่อนเข้ารับราชการ ไม่ชัดแจ้ง แต่เชื่อว่าท่าน หนีความเศร้าออกไปเพชรบุรี ทำไร่ทำนาอยู่กับหม่อมบุญนาค ในพระราชวังหลัง ดังความตอนหนึ่งในนิราศเมืองเพชร ที่ท่านย้อนรำลึกความหลังสมัยหนุ่ม ว่า
"ถึงต้นตาลบ้านคุณหม่อมบุญนาค เมื่อยามยากจนมาได้อาศัย
มารดาเจ้าคราวพระวังหลังครรไล มาทำไร่ทำนาท่านการุญ"
นักเลงกลอนอย่างท่านสุนทรภู่ ทำไร่ทำนาอยู่นานก็ชักเบื่อ ด้วยเลือดนักกลอนทำให้ท่านกลับมากรุงเทพฯ หากินทางรับจ้างแต่งเพลงยาว บอกบทสักวา จนถึงบอกบทละครนอก บางทีนิทานเรื่องแรกของ ท่านคงจะแต่งขึ้นในช่วงนี้ การที่เกิดมีนิทานเรื่องใหม่ๆ ทำให้เป็นที่สนใจมาก เพราะสมัยนั้นมีแต่กลอนนิทานจักรๆ วงศ์ๆ ไม่กี่เรื่อง ซ้ำไปซ้ำมาจนคนอ่าน คนดูรู้เรื่องตลอดหมดแล้ว นิทานของท่านทำให้นายบุญยัง เจ้าของคณะละครนอกชื่อดัง ในสมัยนั้นมาติดต่อว่าจ้างสุนทรภู่ ท่านจึงได้ร่วมคณะละคร เป็นทั้งคนแต่งบทและบอกบท เดินทางเร่ร่อนไปกับคณะละครจนทั่ว ดังตอนหนึ่งใน นิราศสุพรรณคำโคลง ท่านรำลึกถึงครั้งเดินทางกับคณะละครว่า
" ๏ บางระมาดมิ่งมิตรครั้ง คราวงาน
บอกบทบุญยังพยาน พยักหน้า
ประทุนประดิษฐาน แทนฮ่อง หอเอย
แหวนประดับกับผ้า พี่อ้างรางวัล "
นิทานเรื่องสำคัญที่สุด คือ เรื่องพระอภัยมณี ก็น่าจะเริ่มแต่งในช่วงนี้ด้วย (เป็นแต่เริ่มแต่ง มิได้แต่งตลอดทั้งเรื่อง) นิทานเรื่องนี้แปลกแหวกแนวยิ่งกว่า นิทานจักรๆ วงศ์ๆ เรื่องใดที่เคยมีมา ทำให้คณะ ละครนายบุญยังโด่งดังเป็นพล ุ เป็นที่ต้องการของใครต่อใคร และแน่นอนชื่อเสียงของท่านสุนทรภู่ ก็โด่งดังไปไม่แพ้กัน ทั่วทั้งกรุงเทพฯ และหัวเมืองใกล้เคียง
:: รับราชการครั้งที่ ๑ (พ.ศ.๒๓๕๙ - ๒๓๖๗) อายุ ๓๐ - ๓๘ ปี ::
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเป็นมหากวีและทรงสนพระทัยเรื่องการละครเป็น อย่างยิ่ง ในรัชสมัยของพระองค์ได้กวดขันการฝึกหัดวิธีรำจนได้ที่ เป็นแบบอย่างของละครรำมาตราบ ทุกวันนี้ พระองค์ยังทรงพระราชนิพนธ์บทละครขึ้นใหม่อีกถึง ๗ เรื่อง มีเรื่องอิเหนาและเรื่องรามเกียรติ์ เป็นต้น มูลเหตุที่สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการ น่าจะเนื่องมาจากเรื่องละครนี้เอง ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับกรณี ทอดบัตรสนเท่ห์ เพราะจากกรณีบัตรสนเท่ห์นั้น คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกประหารชีวิตถึง ๑๐ คน แม้แต่ นายแหโขลน คนซื้อกระดาษดินสอ ก็ยังถูกประหารชีวิตด้วย มีหรือสุนทรภู่จะรอดชีวิตมาได้ นอกจากนี้ สุนทรภู่เป็นแต่เพียงไพร่ มีชีวิตอยู่นอกวังหลวง ช่วงอายุก่อนหน้านี้ก็วนเวียนและเวียนใจอยู่กับเรื่อง ความรัก ที่ไหนจะมีเวลามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง (กรณีวิเคราะห์นี้ มิได้รับรองโดยนักประวัติศาสตร์ เป็นความเห็นของคุณปราโมทย์ ทัศนาสุวรรณ เขียนไว้ในหนังสือ "เที่ยวไปกับสุนทรภู่" ซึ่งเห็นว่ามูลเหตุที่สุนทรภู่ได้เข้า รับราชการ น่าจะมาจากเรื่องละครมากกว่าเรื่องอื่น ซึ่งข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูก็เห็นน่าจะจริง ผิดถูกเช่นไรโปรดใช้วิจารณญาณ) อย่างไรก็ดี สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการในปี พ.ศ.๒๓๕๙ ในกรมพระอาลักษณ์ เรื่องราวของกวี ที่ปรึกษาท่านนี้ ที่ได้แสดงฝีมือเป็นที่พอพระทัยของ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
:: ออกบวช (พ.ศ.๒๓๖๗ - ๒๓๘๕) อายุ ๓๘ - ๕๖ ปี ::
วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๓๖๗ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต นอกจาก แผ่นดินและผืนฟ้าจะร่ำไห้ ไพร่ธรรมดาคนหนึ่งที่มีโอกาสสูงสุดในชีวิตได้เป็นถึงกวีที่ปรึกษาในราชสำนัก ก็หมดวาสนาไปด้วย สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์ไว้ถึงเหตุที่สุนทรภู่ไม่กล้ารับราชการต่อใน แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ดังนี้ "เล่ากันว่า เมื่อทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องอิเหนา ทรงแต่งตอนนางบุษบาเล่นธาร เมื่อท้าว ดาหาไปใช้บน พระราชทานให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังดำรงพระยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ทรงแต่ง "เมื่อทรงแต่งแล้ว ถึงวันจะอ่านถวายตัว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีรับสั่งวานสุนทรภู่ ตรวจดูเสียก่อน สุนทรภู่อ่านแล้วกราบทูลว่า เห็นดีอยู่แล้ว ครั้นเสด็จออก เมื่อโปรดให้อ่านต่อหน้ากวีที่ทรง ปรึกษาพร้อมกัน ถึงบทแห่งหนึ่งว่า " 'น้ำใสไหลเย็นแลเห็นตัว ปลาแหวกกอบัวอยู่ไหวไหว' "สุนทรภู่ติว่ายังไม่ดี ขอแก้เป็น " 'น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา ว่ายแหวกปทุมาอยู่ไหวไหว' "โปรดตามที่สุนทรภู่แก้ พอเสด็จขึ้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวก็กริ้ว ดำรัสว่า เมื่อ ขอให้ตรวจทำไมจึงไม่แก้ไข แกล้งนิ่งเอาไปไว้ติหักหน้ากลางคัน เป็นเรื่องที่ทรงขัดเคืองสุนทรภู่ครั้งหนึ่ง "อีกครั้งหนึ่ง รับสั่งให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแต่งบทละครเรื่องสังข์ทอง ตอน ท้าวสามลจะให้ลูกสาวเลือกคู่ ทรงแต่งคำปรารภของท้าวสามลว่า " 'จำจะปลูกฝังเสียยังแล้ว ให้ลูกแก้วสมมาดปรารถนา' " ครั้นถึงเวลาอ่านถวาย สุนทรภู่ถามขึ้นว่า 'ลูกปรารถนาอะไร' พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต้องแก้ว่า " 'จำจะปลูกฝังเสียยังแล้ว ให้ลูกแก้วมีคู่เสน่หา' "ทรงขัดเคืองสุนทรภู่ว่าแกล้งประมาทอีกครั้งหนึ่ง แต่นั้นก็ว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมึนตึงต่อสุนทรภู่มาจนตลอดรัชกาลที่ ๒ ... " จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพียงคิดได้ด้วยเฉพาะหน้าตรงนั้นก็ตาม สุนทรภู่ก็ได้ทำการไม่เป็นที่พอ พระราชหฤทัย ประกอบกับความอาลัยเสียใจหนักหนา ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สุนทรภู่ จึงลาออกจากราชการ และตั้งใจบวชเพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณ
เมื่อกลับจากกรุงเก่า พระสุนทรภู่ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดอรุณราชวราราม หรือวัดแจ้ง ปี พ.ศ.๒๓๗๒เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงฝากเจ้าฟ้ากลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว พระโอรสองค์กลางและองค์น้อยให้เป็นศิษย์สุนทรภู่ การมีศิษย์ชั้นเจ้าฟ้าเช่นนี้จึงทำให้พระสุนทรภ ู่สุขสบายขึ้นพระสุนทรภู่อยู่วัดอรุณฯ ราว ๒ ปี จึงข้ามฟากมาจำพรรษาอยู่ท ี่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ เล่ากันถึงสาเหตุที่พระสุนทรภู่ย้ายวัดมา ก็เพราะสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงชักชวนให้มาอยู่ด้วยกัน สมเด็จฯ ทรงเป็นกวีองค์สำคัญของกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์หนึ่ง เชื่อว่าคงจะทรงคุ้นเคยกับสุนทรภู่ในฐานะที่เป็นกวีด้วยกัน โดยเฉพาะสมัยที่สุนทรภู่เป็นขุนสุนทรโวหารในรัชกาลที่ ๒ ชีพจรลงเท้า สุนทรภู่อีกครั้งเมื่อท่านเกิดไปสนใจเรื่องเล่นแร่แปรธาตุและยาอายุวัฒนะ ถึงแก่อุตสาหะไปค้นหา ทำให้เกิดนิราศวัดเจ้าฟ้า และนิราศสุพรรณปี พ.ศ.๒๓๘๓ สุนทรภู่มาจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม ท่านอยู่ที่นี่ได้ ๓ พรรษา คืนหนึ่งเกิดฝันร้าย
ว่าชะตาขาด จะถึงแก่ชีวิต จึงได้แต่งเรื่องรำพันพิลาป ซึ่งทำให้ทราบเรื่องราวในชีวิตของท่านอีกเป็นอันมาก จากนั้นจึงลาสิกขาบทเมื่อปี พ.ศ.๒๓๘๕ เพื่อเตรียมตัวจะตาย
:: รับราชการครั้งที่ ๒ (พ.ศ.๒๓๘๕ - ๒๓๙๘) อายุ ๕๖ - ๖๙ ปี ::
เมื่อสึกออกมา สุนทรภู่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งทรง พระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ โปรดอุปถัมภ์ให้สุนทรภู่ไปอยู่พระราชวังเดิมด้วย ต่อมา กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ทรงพระเมตตาอุปการะสุนทรภู่ด้วย กล่าวกันว่า ชอบพระราชหฤทัย ในเรื่องพระอภัยมณี จึงมีรับสั่งให้สุนทรภู่แต่งต่อ นอกจากนี้ สุนทรภู่ยังแต่งเรื่องสิงหไตรภพถวายกรมหมื่นอัปสรฯ อีกเรื่องหนึ่งแม้สุนทรภู่จะอายุมากแล้ว แต่ท่านก็ยังรักการเดินทาง และรักกลอนเป็นที่สุด ท่านได้แต่งนิราศไว้อีก ๒ เรื่องคือนิราศพระประธม และนิราศเมืองเพชรสุนทรภู่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระสุนทรโวหาร" ในปี พ.ศ.๒๓๙๔ ขณะที่ท่านมีอาย ได้ ๖๕ ปีแล้ว ท่านถึงแก่อนิจกรรมเมื่อปี พ.ศ.๒๓๙๘ รวมอายุได้ ๖๙ ปี
ผู้สืบสกุลของสุนทรภู่ ใช้นามสกุล "ภู่เรือหงษ์"
ที่มา http://www.seal2thai.org/board/viewtopic.php?t=3270
วิธีการการตรวจสอบธนบัตรปลอม การตรวจสอบแบงก์ปลอม เพื่อจะได้นำมาป้องกันตัวเองไว้ครับ
ฝากไว้นิดจ้า
http://www.champ108.com/products/และผลงาน คศ.3รวมถึงสิ่งดีๆจากข่าวอาจารย์3ข่าวชำนาญการพิเศษของดีที่เราเต็มใจนำเสนอจ้า
ประวัติสุนทรภู่
สุนทรภู่เกิดเมื่อวันจันทร์ เดือน ๘ ขึ้น ๑ ค่ำ ปีมะเมีย จุลศักราช ๑๑๔๘ เวลาประมาณ ๘.๐๐ น. ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๓๒๙ ในรัชกาลที่ ๑ บิดามารดาชื่อใดไม่ปรากฏ ทราบเพียงว่ามารดามีเชื้อสายผู้ดี เเละทำหน้าที่เป็นแม่นมของพระธิดาในกรมพระราชวังหลัง ส่วนบิดานั้นบวชเป็นพระอยู่ที่วัดบ้านกร่ำ อำเภอเเกลง จังหวัดระยอง เมื่อสุนทรภู่โตพอสมควร มารดาได้นำไปฝากให้เรียนหนังสือที่วัดชีปะขาว หรือวัดศรีสุดารามในปัจจุบัน ครั้นมีความรู้ดีเเล้ว มารดานำไปฝากเป็นข้าในกรมพระราชวังหลัง เเต่อยู่ได้ไม่นานก็ลาออกไปเป็นเสมียน สุนทรภู่รับราชการไม่ก้าวหน้านัก เพราะติดนิสัยรักกาพย์กลอน กระทั่งในสมัยรัชกาลที่ ๒ จึงเป็นที่โปรดปรานให้เป็น "ขุนสุนทรโวหาร" ( ภู่ ) เรียกกันสั้นๆ ว่า "สุนทรภู่ " ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น " พระสุนทรโวหาร " เเละถึงเเก่กรรมเมื่อปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๙๘ อายุได้ ๗๐ ปี
ผลงาน
หนังสือบทกลอนที่สุนทรภู่เเต่งมีมากมาย ที่ได้ยินเเต่ชื่อเรื่องยังหาฉบับไม่พบก็มี ที่หายสาบสูญไปเเล้วไม่ได้ยินชื่อเรื่องก็มี เเต่เรื่องที่ยังมีต้นฉบับอยู่ในปัจจุบันมี ๒๔ เรื่อง คือ - นิราศ ๙ เรื่อง ได้เเก่ นิราศเมืองเเกลง นิราศพระบาท นิราศภูเขาทอง นิราศเมืองสุพรรณ นิราศวัดเจ้าฟ้า นิราศอิเหนา นิราศพระเเท่นดงรัง นิราศพระปฐม เเละนิราศเมืองเพชรบุรี - นิทาน ๕ เรื่อง ได้เเก่ โคบุตร พระอภัยมณี พระไชยสุริยา ลักษณวงศ์ เเละ สิงหไตรภพ - สุภาษิต ๓ เรื่อง ได้เเก่ สวัสดิรักษา เพลงยาวถวายโอวาท เเละสุภาษิตสอนหญิง - บทละคร ๑ เรื่อง คือ เรื่องอภัยนุราช - บทเสภา ๒ เรื่อง ได้เเก่ ขุนช้างขุนเเผน ตอนกำเนิดพลายงาม เเละเรื่องพระราชพงศาวดาร - บทเห่กล่อม ๔ เรื่อง ได้เเก่ เห่เรื่องจับระบำ เห่เรื่องกากี เห่เรื่องพระอภัยมณี เเละเห่เรื่องโคบุตร
:: วัยเด็ก (พ.ศ.๒๓๒๙ - ๒๓๔๙) แรกเกิด - อายุ ๒๐ ปี ::
พระสุนทรโวหาร (ภู่) มีนามเดิมว่า ภู่ เป็นบุตรขุนศรีสังหาร (พลับ) และแม่ช้อย เกิดในรัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันจันทร์ เดือนแปด ขึ้นหนึ่งค่ำ ปีมะเมีย จุลศักราช ๑๑๔๘ เวลาสองโมงเช้า ตรงกับวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๓๒๙ ที่บ้านใกล้กำแพงวังหลัง คลองบางกอกน้อย สุนทรภู่เกิดได้ไม่นาน บิดามารดาก็หย่าจากกัน ฝ่ายบิดากลับไปบวชที่บ้านกร่ำ เมืองแกลง ส่วนมารดา คงเป็นนางนมพระธิดา ในกรมพระราชวังหลัง (กล่าวกันว่าพระองค์เจ้าจงกล หรือเจ้าครอกทองอยู่) ได้แต่งงาน มีสามีใหม่ และมีบุตรกับสามีใหม่ ๒ คนเป็นหญิง ชื่อฉิมและนิ่ม ตัวสุนทรภู่เองได้ถวายตัว เป็นข้าในกรมพระราชวังหลังตั้งแต่ยังเด็ก สุนทรภู่เป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน สันทัดทั้งสักวาและเพลงยาว เมื่อรุ่นหนุ่มเกิดรักใคร่ชอบพอกับนาง ข้าหลวงในวังหลัง ชื่อแม่จัน ครั้นความทราบถึงกรมพระราชวังหลัง พระองค์ก็กริ้ว รับสั่งให้นำสุนทรภู่ และจันไปจองจำทันที แต่ทั้งสองถูกจองจำได้ไม่นาน เมื่อกรมพระราชวังหลังเสด็จทิวงคตในปี พ.ศ. ๒๓๔๙ ทั้งสองก็พ้นโทษออกมา เพราะเป็นประเพณีแต่โบราณที่จะมีการปล่อยนักโทษ เพื่ออุทิศส่วนพระราชกุศลแด่ พระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์ชั้นสูง เมื่อเสด็จสวรรคตหรือทิวงคตแล้ว แม้จะพ้นโทษ สุนทรภู่และจันก็ยังมิอาจสมหวังในรัก สุนทรภู่ถูกใช้ไปชลบุรี ดังความตอนหนึ่งใน นิราศเมืองแกลงว่า "จะกรวดน้ำคว่ำขันจนวันตาย แม้เจ้านายท่านไม่ใช้แล้วไม่มา" แต่เจ้านายท่านใดใช้ไป และไปธุระเรื่องใดไม่ปรากฎ อย่างไรก็ดี สุนทรภู่ได้เดินทางเลยไปถึงบ้านกร่ำ เมืองแกลง จังหวัดระยอง เพื่อไปพบบิดาที่จากกันกว่า ๒๐ ปี สุนทรภู่เกิดล้มเจ็บหนักเกือบถึงชีวิต กว่าจะกลับมากรุงเทพฯ ก็ล่วงถึงเดือน ๙ ปี พ.ศ.๒๓๔๙
:: วัยฉกรรจ์ (พ.ศ.๒๓๕๐ - ๒๓๕๙) อายุ ๒๑ - ๓๐ ปี ::
หลังจากกลับจากเมืองแกลง สุนทรภู่ได้เป็นมหาดเล็กของพระองค์เจ้าปฐมวงศ ์ พระโอรสองค์เล็กของกรมพระราชวังหลัง ซึ่งทรงผนวชอยู่ที่วัดระฆัง ในช่วงนี้ สุนทรภู่ก็สมหวังในรัก ได้แม่จันเป็นภรรยาสุนทรภู่คงเป็นคนเจ้าชู้ แต่งงานได้ไม่นานก็เกิดระหองระแหงกับแม่จัน ยังไม่ทันคืนดี สุนทรภู่ก็ต้องตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการพระพุทธบาท จ.สระบุรี ในวันมาฆบูชา สุนทรภู่ได้แต่งนิราศ เรื่องที่สองขึ้น คือ นิราศพระบาท สุนทรภู่ตามเสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ ในเดือน ๓ ปี พ.ศ.๒๓๕๐ สุนทรภู่มีบุตรกับแม่จัน ๑ คน ชื่อหนูพัด แต่ชีวิตครอบครัวก็ยังไม่ราบรื่นนักในที่สุดแม่จันก็ร้างลาไป พระองค์เจ้าจงกล (เจ้าครอกทองอยู่) ได้รับอุปการะหนูพัดไว ้ ชีวิตของท่านสุนทรภู่ช่วงนี้คงโศกเศร้ามิใช่น้อย ประวัติชีวิตของสุนทรภู่ในช่วงปี พ.ศ.๒๓๕๐ - ๒๓๕๙ ก่อนเข้ารับราชการ ไม่ชัดแจ้ง แต่เชื่อว่าท่าน หนีความเศร้าออกไปเพชรบุรี ทำไร่ทำนาอยู่กับหม่อมบุญนาค ในพระราชวังหลัง ดังความตอนหนึ่งในนิราศเมืองเพชร ที่ท่านย้อนรำลึกความหลังสมัยหนุ่ม ว่า
"ถึงต้นตาลบ้านคุณหม่อมบุญนาค เมื่อยามยากจนมาได้อาศัย
มารดาเจ้าคราวพระวังหลังครรไล มาทำไร่ทำนาท่านการุญ"
นักเลงกลอนอย่างท่านสุนทรภู่ ทำไร่ทำนาอยู่นานก็ชักเบื่อ ด้วยเลือดนักกลอนทำให้ท่านกลับมากรุงเทพฯ หากินทางรับจ้างแต่งเพลงยาว บอกบทสักวา จนถึงบอกบทละครนอก บางทีนิทานเรื่องแรกของ ท่านคงจะแต่งขึ้นในช่วงนี้ การที่เกิดมีนิทานเรื่องใหม่ๆ ทำให้เป็นที่สนใจมาก เพราะสมัยนั้นมีแต่กลอนนิทานจักรๆ วงศ์ๆ ไม่กี่เรื่อง ซ้ำไปซ้ำมาจนคนอ่าน คนดูรู้เรื่องตลอดหมดแล้ว นิทานของท่านทำให้นายบุญยัง เจ้าของคณะละครนอกชื่อดัง ในสมัยนั้นมาติดต่อว่าจ้างสุนทรภู่ ท่านจึงได้ร่วมคณะละคร เป็นทั้งคนแต่งบทและบอกบท เดินทางเร่ร่อนไปกับคณะละครจนทั่ว ดังตอนหนึ่งใน นิราศสุพรรณคำโคลง ท่านรำลึกถึงครั้งเดินทางกับคณะละครว่า
" ๏ บางระมาดมิ่งมิตรครั้ง คราวงาน
บอกบทบุญยังพยาน พยักหน้า
ประทุนประดิษฐาน แทนฮ่อง หอเอย
แหวนประดับกับผ้า พี่อ้างรางวัล "
นิทานเรื่องสำคัญที่สุด คือ เรื่องพระอภัยมณี ก็น่าจะเริ่มแต่งในช่วงนี้ด้วย (เป็นแต่เริ่มแต่ง มิได้แต่งตลอดทั้งเรื่อง) นิทานเรื่องนี้แปลกแหวกแนวยิ่งกว่า นิทานจักรๆ วงศ์ๆ เรื่องใดที่เคยมีมา ทำให้คณะ ละครนายบุญยังโด่งดังเป็นพล ุ เป็นที่ต้องการของใครต่อใคร และแน่นอนชื่อเสียงของท่านสุนทรภู่ ก็โด่งดังไปไม่แพ้กัน ทั่วทั้งกรุงเทพฯ และหัวเมืองใกล้เคียง
:: รับราชการครั้งที่ ๑ (พ.ศ.๒๓๕๙ - ๒๓๖๗) อายุ ๓๐ - ๓๘ ปี ::
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเป็นมหากวีและทรงสนพระทัยเรื่องการละครเป็น อย่างยิ่ง ในรัชสมัยของพระองค์ได้กวดขันการฝึกหัดวิธีรำจนได้ที่ เป็นแบบอย่างของละครรำมาตราบ ทุกวันนี้ พระองค์ยังทรงพระราชนิพนธ์บทละครขึ้นใหม่อีกถึง ๗ เรื่อง มีเรื่องอิเหนาและเรื่องรามเกียรติ์ เป็นต้น มูลเหตุที่สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการ น่าจะเนื่องมาจากเรื่องละครนี้เอง ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับกรณี ทอดบัตรสนเท่ห์ เพราะจากกรณีบัตรสนเท่ห์นั้น คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกประหารชีวิตถึง ๑๐ คน แม้แต่ นายแหโขลน คนซื้อกระดาษดินสอ ก็ยังถูกประหารชีวิตด้วย มีหรือสุนทรภู่จะรอดชีวิตมาได้ นอกจากนี้ สุนทรภู่เป็นแต่เพียงไพร่ มีชีวิตอยู่นอกวังหลวง ช่วงอายุก่อนหน้านี้ก็วนเวียนและเวียนใจอยู่กับเรื่อง ความรัก ที่ไหนจะมีเวลามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง (กรณีวิเคราะห์นี้ มิได้รับรองโดยนักประวัติศาสตร์ เป็นความเห็นของคุณปราโมทย์ ทัศนาสุวรรณ เขียนไว้ในหนังสือ "เที่ยวไปกับสุนทรภู่" ซึ่งเห็นว่ามูลเหตุที่สุนทรภู่ได้เข้า รับราชการ น่าจะมาจากเรื่องละครมากกว่าเรื่องอื่น ซึ่งข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูก็เห็นน่าจะจริง ผิดถูกเช่นไรโปรดใช้วิจารณญาณ) อย่างไรก็ดี สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการในปี พ.ศ.๒๓๕๙ ในกรมพระอาลักษณ์ เรื่องราวของกวี ที่ปรึกษาท่านนี้ ที่ได้แสดงฝีมือเป็นที่พอพระทัยของ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
:: ออกบวช (พ.ศ.๒๓๖๗ - ๒๓๘๕) อายุ ๓๘ - ๕๖ ปี ::
วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๓๖๗ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต นอกจาก แผ่นดินและผืนฟ้าจะร่ำไห้ ไพร่ธรรมดาคนหนึ่งที่มีโอกาสสูงสุดในชีวิตได้เป็นถึงกวีที่ปรึกษาในราชสำนัก ก็หมดวาสนาไปด้วย สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์ไว้ถึงเหตุที่สุนทรภู่ไม่กล้ารับราชการต่อใน แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ดังนี้ "เล่ากันว่า เมื่อทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องอิเหนา ทรงแต่งตอนนางบุษบาเล่นธาร เมื่อท้าว ดาหาไปใช้บน พระราชทานให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังดำรงพระยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ทรงแต่ง "เมื่อทรงแต่งแล้ว ถึงวันจะอ่านถวายตัว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีรับสั่งวานสุนทรภู่ ตรวจดูเสียก่อน สุนทรภู่อ่านแล้วกราบทูลว่า เห็นดีอยู่แล้ว ครั้นเสด็จออก เมื่อโปรดให้อ่านต่อหน้ากวีที่ทรง ปรึกษาพร้อมกัน ถึงบทแห่งหนึ่งว่า " 'น้ำใสไหลเย็นแลเห็นตัว ปลาแหวกกอบัวอยู่ไหวไหว' "สุนทรภู่ติว่ายังไม่ดี ขอแก้เป็น " 'น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา ว่ายแหวกปทุมาอยู่ไหวไหว' "โปรดตามที่สุนทรภู่แก้ พอเสด็จขึ้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวก็กริ้ว ดำรัสว่า เมื่อ ขอให้ตรวจทำไมจึงไม่แก้ไข แกล้งนิ่งเอาไปไว้ติหักหน้ากลางคัน เป็นเรื่องที่ทรงขัดเคืองสุนทรภู่ครั้งหนึ่ง "อีกครั้งหนึ่ง รับสั่งให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแต่งบทละครเรื่องสังข์ทอง ตอน ท้าวสามลจะให้ลูกสาวเลือกคู่ ทรงแต่งคำปรารภของท้าวสามลว่า " 'จำจะปลูกฝังเสียยังแล้ว ให้ลูกแก้วสมมาดปรารถนา' " ครั้นถึงเวลาอ่านถวาย สุนทรภู่ถามขึ้นว่า 'ลูกปรารถนาอะไร' พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต้องแก้ว่า " 'จำจะปลูกฝังเสียยังแล้ว ให้ลูกแก้วมีคู่เสน่หา' "ทรงขัดเคืองสุนทรภู่ว่าแกล้งประมาทอีกครั้งหนึ่ง แต่นั้นก็ว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมึนตึงต่อสุนทรภู่มาจนตลอดรัชกาลที่ ๒ ... " จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพียงคิดได้ด้วยเฉพาะหน้าตรงนั้นก็ตาม สุนทรภู่ก็ได้ทำการไม่เป็นที่พอ พระราชหฤทัย ประกอบกับความอาลัยเสียใจหนักหนา ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สุนทรภู่ จึงลาออกจากราชการ และตั้งใจบวชเพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณ
เมื่อกลับจากกรุงเก่า พระสุนทรภู่ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดอรุณราชวราราม หรือวัดแจ้ง ปี พ.ศ.๒๓๗๒เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงฝากเจ้าฟ้ากลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว พระโอรสองค์กลางและองค์น้อยให้เป็นศิษย์สุนทรภู่ การมีศิษย์ชั้นเจ้าฟ้าเช่นนี้จึงทำให้พระสุนทรภ ู่สุขสบายขึ้นพระสุนทรภู่อยู่วัดอรุณฯ ราว ๒ ปี จึงข้ามฟากมาจำพรรษาอยู่ท ี่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ เล่ากันถึงสาเหตุที่พระสุนทรภู่ย้ายวัดมา ก็เพราะสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงชักชวนให้มาอยู่ด้วยกัน สมเด็จฯ ทรงเป็นกวีองค์สำคัญของกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์หนึ่ง เชื่อว่าคงจะทรงคุ้นเคยกับสุนทรภู่ในฐานะที่เป็นกวีด้วยกัน โดยเฉพาะสมัยที่สุนทรภู่เป็นขุนสุนทรโวหารในรัชกาลที่ ๒ ชีพจรลงเท้า สุนทรภู่อีกครั้งเมื่อท่านเกิดไปสนใจเรื่องเล่นแร่แปรธาตุและยาอายุวัฒนะ ถึงแก่อุตสาหะไปค้นหา ทำให้เกิดนิราศวัดเจ้าฟ้า และนิราศสุพรรณปี พ.ศ.๒๓๘๓ สุนทรภู่มาจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม ท่านอยู่ที่นี่ได้ ๓ พรรษา คืนหนึ่งเกิดฝันร้าย
ว่าชะตาขาด จะถึงแก่ชีวิต จึงได้แต่งเรื่องรำพันพิลาป ซึ่งทำให้ทราบเรื่องราวในชีวิตของท่านอีกเป็นอันมาก จากนั้นจึงลาสิกขาบทเมื่อปี พ.ศ.๒๓๘๕ เพื่อเตรียมตัวจะตาย
:: รับราชการครั้งที่ ๒ (พ.ศ.๒๓๘๕ - ๒๓๙๘) อายุ ๕๖ - ๖๙ ปี ::
เมื่อสึกออกมา สุนทรภู่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งทรง พระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ โปรดอุปถัมภ์ให้สุนทรภู่ไปอยู่พระราชวังเดิมด้วย ต่อมา กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ทรงพระเมตตาอุปการะสุนทรภู่ด้วย กล่าวกันว่า ชอบพระราชหฤทัย ในเรื่องพระอภัยมณี จึงมีรับสั่งให้สุนทรภู่แต่งต่อ นอกจากนี้ สุนทรภู่ยังแต่งเรื่องสิงหไตรภพถวายกรมหมื่นอัปสรฯ อีกเรื่องหนึ่งแม้สุนทรภู่จะอายุมากแล้ว แต่ท่านก็ยังรักการเดินทาง และรักกลอนเป็นที่สุด ท่านได้แต่งนิราศไว้อีก ๒ เรื่องคือนิราศพระประธม และนิราศเมืองเพชรสุนทรภู่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระสุนทรโวหาร" ในปี พ.ศ.๒๓๙๔ ขณะที่ท่านมีอาย ได้ ๖๕ ปีแล้ว ท่านถึงแก่อนิจกรรมเมื่อปี พ.ศ.๒๓๙๘ รวมอายุได้ ๖๙ ปี
ผู้สืบสกุลของสุนทรภู่ ใช้นามสกุล "ภู่เรือหงษ์"
ที่มา http://www.seal2thai.org/board/viewtopic.php?t=3270
วิธีการการตรวจสอบธนบัตรปลอม การตรวจสอบแบงก์ปลอม เพื่อจะได้นำมาป้องกันตัวเองไว้ครับ
ฝากไว้นิดจ้า
http://www.champ108.com/products/และผลงาน คศ.3รวมถึงสิ่งดีๆจากข่าวอาจารย์3ข่าวชำนาญการพิเศษของดีที่เราเต็มใจนำเสนอจ้า
10 มกราคม 2552
การตรวจสอบธนบัตรปลอม การตรวจสอบแบงก์ปลอม
สวัสดีครับ
วันนี้ ขอนำเสนอวิธีการการตรวจสอบธนบัตรปลอม การตรวจสอบแบงก์ปลอม เพื่อจะได้นำมาป้องกันตัวเองไว้ครับ
ฝากไว้นิด
http://www.champ108.com/products/
วันนี้ ขอนำเสนอวิธีการการตรวจสอบธนบัตรปลอม การตรวจสอบแบงก์ปลอม เพื่อจะได้นำมาป้องกันตัวเองไว้ครับ
ฝากไว้นิด
http://www.champ108.com/products/
08 มกราคม 2552
Keyword ใน gmail
เปิดรับศักราชใหม่ครับ
พอดีสังเกตมานานมากแล้วและเพิ่งได้คำตอบว่า ทำไม free e-mail ของ gmail จึงมีโฆษณามาแสดง แล้วแบบนี้จะมีคนเข้ามาแอบอ่าน mail ของเราหรือไม่... ไม่ครับ เพราะผู้รู้บอกว่า คงไม่มีใครมานั่งอ่านเมล์ของเรา แล้ว add โฆษณาเข้ามาหรอกครับ จริงๆแล้ว เป็นระบบโฆษณาของ Google AdSense นั่นเอง
ตัวอย่าง
เมล์ที่ gmail ของผม หัวข้อ Some useful qoutes - Needed For all of us.
จะพบว่ามี Keyword ของ google adsense ดังนี้
Chosen by top software vendors. View 200+ examples & full docs (อันนี้อยู่ด้านบน)
ส่วนอันนี้อยู่ด้านข้าง
Generate database & reporting apps straight from your database! Try it
High quality HVAC sealers, adhesives, tapes, and more.
Think and Grow Rich Free Ebook Claim yours Free Today!
An objective site dedicated to rem- oving deception and revealing Truth
Filmmaker's website Info, messaging tools, learn more!
Giant Manta RaysPadi Scuba Training for Divers
Cod, Haddock, Striper, Blues, fluke Fast boat means more time fishing!
Etc.
เป็นอันว่า สิ่งที่ปรากฎในเมล์คือ Keyword ใน gmail ซึ่งใกล้เคียงหรือตรงกับเนื้อหาของเราครับ
พอดีสังเกตมานานมากแล้วและเพิ่งได้คำตอบว่า ทำไม free e-mail ของ gmail จึงมีโฆษณามาแสดง แล้วแบบนี้จะมีคนเข้ามาแอบอ่าน mail ของเราหรือไม่... ไม่ครับ เพราะผู้รู้บอกว่า คงไม่มีใครมานั่งอ่านเมล์ของเรา แล้ว add โฆษณาเข้ามาหรอกครับ จริงๆแล้ว เป็นระบบโฆษณาของ Google AdSense นั่นเอง
ตัวอย่าง
เมล์ที่ gmail ของผม หัวข้อ Some useful qoutes - Needed For all of us.
จะพบว่ามี Keyword ของ google adsense ดังนี้
Chosen by top software vendors. View 200+ examples & full docs (อันนี้อยู่ด้านบน)
ส่วนอันนี้อยู่ด้านข้าง
Generate database & reporting apps straight from your database! Try it
High quality HVAC sealers, adhesives, tapes, and more.
Think and Grow Rich Free Ebook Claim yours Free Today!
An objective site dedicated to rem- oving deception and revealing Truth
Filmmaker's website Info, messaging tools, learn more!
Giant Manta RaysPadi Scuba Training for Divers
Cod, Haddock, Striper, Blues, fluke Fast boat means more time fishing!
Etc.
เป็นอันว่า สิ่งที่ปรากฎในเมล์คือ Keyword ใน gmail ซึ่งใกล้เคียงหรือตรงกับเนื้อหาของเราครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)